ว่าด้วยเรื่อง “ขนมไทย” มีอยู่มากมายหลายอย่าง วันนี้ลองมาทำความรู้จักกับขนมไทย แต่ละชนิดเรียกว่าหาทานได้ยาก ลักษณะเด่นๆของขนมไทยนั้น จะมีรสชาติ หวาน มัน เนื่องจากน้ำตาลมักใช้น้ำตาลมะพร้าวที่มีกลิ่นหอม ส่วนความมันมักใช้กะทิคั้นสด เน้นเอาหัวๆ เมื่อผสม คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้ว จึงเป็นขนมไทยนานาชนิด ที่มีเอกลักษณ์ของความหวาน มัน ประกอบกับการตั้งชื่อขนมแต่ละชนิด จะเน้นชื่อที่เป็นมงคลในแบบฉบับของไทย
๑. ขนมบุหลันดั้นเมฆ
![บุหลันดั้นเมฆ หากินยาก ขนมไทยโบราณ](http://food.mthai.com/app/uploads/2016/01/%E2%95%A8%D1%8C%D0%BA%D0%B5%D1%8F%E2%95%A7%E2%95%A2%D1%8F%D0%98%E2%95%A7%D0%AE%D0%B0%E2%95%95.jpg)
“บุหลันดั้นเมฆ” เป็นขนมที่มีที่มาจากในวัง ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง “บุหลันลอยเลื่อน” อันเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ รูปลักษณ์จะคล้ายคลึงกับขนมน้ำดอกไม้ หากแต่สีสันจะเลียนแบบดวงจันทร์ที่ลองอยู่ท่าม กลางท้องฟ้า ตามเพลงพระราชนิพนธ์ ส่วนประกอบด้านนอกจะประกอบไปด้วยแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทราย และได้สีจากน้ำดอกอัญชัน ในส่วนไส้ตรงกลางจะใช้ไข่ กะทิ น้ำตาลมะพร้าวเป็นส่วนประกอบ สามารถให้เป็นของฝากผู้ใหญ่ หรือคนในครอบครัว นับว่าเป็นเมนูขนมไทยแสนประณีตอีกหนึ่งชนิด
๒. ขนมชั้น
![ขนมชั้น](http://food.mthai.com/app/uploads/2016/01/%E2%95%92%E2%95%A7%D0%B0%E2%95%99%D1%8F%D0%98%E2%95%A73.jpg)
“ขนมชั้น” มีรสชาติหวานละมุนลิ้น และมีกลิ่นหอมใบเตย จัดเป็นขนมมงคลที่นิยมใช้ตามงานมงคลต่างๆ คนโบราณมีความเชื่อว่า หากสามารถทำได้ถึง ๙ ชั้น จะทำให้มีสิริมงคลก้าวหน้าและเจริญรุ่งเรืองในตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าภาพผู้จัดงาน หรืองานมงคลสมรสบ่าวสาว ปัจจุบันมีการนำมาดัดแปลงประดิษฐ์เป็นช่อดอกกุหลาบ หรือช่อดอกไม้ต่างๆตามสมัยนิยมและมีความสวยงามไม่แพ้ขนมชนิดอื่นเลย
๓. ขนมจ่ามงกุฎ (ดาราทอง หรือ ทองเอกกระจัง)
!["ดาราทอง" หรือ "ทองเอกกระจัง"](http://food.mthai.com/app/uploads/2016/01/12575750_699675273508424_1527801569_n.jpg)
“จ่ามงกุฏ” จัดเป็นขนมในราชสำนัก ใช้สำหรับเครื่องเสวยถวายพระเจ้าแผ่นดินในอดีต มีมาตั้งแต่ร.๒ มีความหมายที่ดี หมายถึงหัวหน้าผู้เป็นใหญ่ จึงนิยมมอบให้กับผู้ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง เนื่องจากมีวิธีทำที่ค่อนข้างยาก ประณีตและต้องอาศัยศิลปะในการทำสูงกว่าขนมชนิดอื่น แต่เดิมสูตรไทยโบราณจะไม่มีส่วนผสมของไข่ มีเพียงแป้ง กะทิและน้ำตาล ปัจจุบันหาทานได้ยากมาก จะมีขายเพียงรุ่นที่สืบทอดกันมา (ย่านตลาดน้ำอัมพวา) รูปลักษณ์จะเป็นสีเขียว มีโรยแป้งทอด
ต่อมาได้รับวัฒนธรรมตะวันตก ประกวดในงานฉลองปีใหม่ในสมัยจอมพล แปลก พิบูลสงคราม คนทั่วไปรู้จักในชื่อว่า “ดาราทอง” หรือ “ทองเอกกระจัง” (ตัวขนมใช้สูตรเดียวกับขนมทองเอก) ขนมชนิดนี้มีส่วนผสมของไข่และเมล็ดแตงโม รวมถึงแผ่นทองคำเปลวประดับตกแต่งเข้ามา คล้ายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่เป็นรูปดาว ดังรูปลักษณ์คล้ายมงกุฏสีทองดั่งที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น มีความคล้ายคลึงกับมงกุฏของฝรั่ง ทำให้รู้จักกันในนามของขนม “จ่ามงกุฏ” ค่อนข้างมากกว่าดาราทอง หรือ ทองเอกกระจัง หรือเรียกได้ว่าเป็นจ่ามงกุฏยุคปัจจุบันนั่นเอง
๔. ขนมวุ้นลูกชุบ
![วุ้นลูกชุบ](http://food.mthai.com/app/uploads/2016/01/%D0%B3%D1%8C%D0%98%E2%95%A7%D0%B5%D1%8B%E2%95%91%E2%95%99%D1%8C%E2%95%A82.jpg)
วุ้นลูกชุบมาจากขนม ๒ ชนิดซึ่งก็ได้แก่ วุ้นและลูกชุบ ซึ่งการประดิษฐ์ประดอยเปลี่ยนไปตามสมัยนิยมทำให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น บางเจ้าถึงกับนำมาดัดแปลงแทนเค้กฝรั่ง จัดเรียงวุ้นเป็นชั้นสีแล้วประดับลูกชุบ หรือตกแต่งเสิร์ฟเป็นถ้วยเล็กๆคล้ายคอกเทลก็น่ารักไปอีกแบบและสามารถนำมาจัดเลี้ยงเป็นของว่างทานคู่กับชาร้อนได้อีกด้วยคะ ปัจจุบันจะเห็นการออกไอเดียต่างๆ เช่น นำลูกชุบมาจัดช่อเป็นต้นไม้, หรือการดัดแปลงเป็นวุ้นเป็ดยอดฮิตในสมัยนี้ แต่จะเป็นแบบไหนนั้นรสชาติก็อร่อยไม่แพ้กันเลย
๕. ขนมกระเช้าสีดา
![กระเช้าสีดา](http://food.mthai.com/app/uploads/2016/01/%E2%95%91%D1%86%D0%BF%D0%AE%E2%95%99%D0%98%D1%80%D0%B8%CC%86%D1%83%E2%95%A2%D1%80.jpg)
ชื่อขนมชนิดนี้มีที่มาจากต้นกระเช้าสีดาในวรรณคดีรามเกียรติ์ มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว โดยตัวขนมจะทำมาจากแป้งสวยงามรูปทรงคล้ายกับกระเช้า และส่วนที่เป็นไส้ขนม กระเช้าสีดาเป็นขนมที่หารับประทานได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากต้องใช้ความประณีตและละเอียดอ่อนในการทำขนม หากคนทำไม่มีฝืมือจริงๆกระเช้าอาจจะเบี้ยวไม่สวยงามได้ว่าแล้วก็ต้องหามาลองทานสักหน่อย
๖. ขนมสัมปันนี
![ขนมสัมปันนี](http://food.mthai.com/app/uploads/2016/01/%D0%B8%CC%86%D1%8F%D0%B0%E2%95%A9%D1%8F%E2%95%A7%E2%95%A7%D1%83.jpg)
ขนมชนิดนี้มีการบันทึกว่ามาจากท้าวทองกีบม้า หรือท่านผู้หญิงของฟอลคอน ในปี ๒๖๖๒ เวลานั้นท่านได้รับเกียรติเป็นต้นห้องเครื่องหวานของพระเจ้าแผ่นดิน และสอนชาวสยามจึงได้รับอิทธิพลมาจากโปรตุเกส มีประวัติมาช้านานตั้งแต่รัชสมัยของพระนารายณ์ รูปร่างคล้ายดอกไม้มีสีสันสวยงาม ปัจจุบันมีสัมปันนี ๒ สูตรคือสูตรกรอบอร่อย และสูตรนุ่มละมุนลิ้นแบบไม่ต้องอบ
๗. ขนมน้ำดอกไม้
![ขนมน้ำดอกไม้](http://food.mthai.com/app/uploads/2016/01/%E2%95%A7%D0%98%D1%81%E2%95%A2%D0%BC%E2%95%91%D0%94%D0%B0%D0%98.jpg)
ขนมน้ำดอกไม้นั้นมีชื่อเรื่องอีกอย่างว่าขนมชักหน้า ขนมชนิดนี้จะหวานหอมน้ำลอยดอกมะลิ บอกเลยว่าจะต้องหลงเสน่ห์ขนมไทยอย่างแน่นอน สีสันสดใสน่าตาน่าทานหวานฉ่ำรับทุกเทศกาล เนื้อสัมผัสจะหนุบหนับ เหนียวนุ่ม รสชาติหวานกำลังดี
๘. ช่อม่วงอัญชัน
![ช่อม่วงอัญชัญ](http://food.mthai.com/app/uploads/2016/01/%E2%95%99%D0%A5%D0%BC%E2%95%96%D0%B0%D0%A5%D0%B3%E2%95%964.jpg)
ขนมไทยโบราณที่มีความประณีตอ่อนช้อยแบบฉบับชาววัง ด้านนอกเป็นแป้งมีสีม่วงจากดอกอัญชัญตกแต่งจัดช่อสวยงามเฉกเช่นดอกไม้จึงเรียกว่าช่อม่วง ด้านในมีทั้งไส้ที่ทำจากหมูและกุ้ง หรือปลา,ไก่ได้ตามใจชอบ ซึ่งหารับประทานได้ค่อนข้างยากแล้ว
๙. ขนมลืมกลืน
![ขนมลืมกลืน](http://food.mthai.com/app/uploads/2016/01/%D0%B5%D0%B2%D0%B0%E2%95%91%D0%B5%D0%B2%E2%95%A72-1024x768.jpg)
ขนมลืมกลืน เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งถั่วเขียวหรือแป้งสลิ่ม ผสมน้ำลอยดอกไม้และน้ำตาล จากนั้นนำไปกวนจนใส หยอดหน้าด้วยกะทิ ทำให้ได้รสชาติที่หวานหอม มันๆเค็มๆ เข้ากันได้เป็นอย่างดี
๑๐. ขนมกลีบลำดวน
![เทียนอบ กลีบลำดวน](http://food.mthai.com/app/uploads/2016/01/%E2%95%91%D0%B5%D1%83%E2%95%A8%D0%B5%D1%81%E2%95%A2%D0%B3%E2%95%A72.jpg)
ขนมกลีบลำดวน เป็นขนมไทยอีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง กล่าวคือรูปทรงที่คล้ายกับกลีบของดอกลำดวน ที่สำคัญรสชาติที่หวานหอมเทียนอบเป็นอย่างมาก จึงถูกปากคนทุกยุคสมัย โดยคนโบราณมีความเชื่อว่าดอกลำดวนเป็นดอกไม้ที่มีเสน่ห์ยามค่ำคืน จะส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจเฉพาะตัวเปรียบกับความหมายของขนมกลีบลำดวน ที่ช่วยทำให้มีชื่อเสียงขจรขจายและยังมีสร้างความงดงามให้กับคู่ชีวิต จึงนิยมใช้ในงานมงคล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น